เสียงดีขออาสานำคุณผู้ฟังกลับไปยังนครลอสแอนเจลิส ปี 2528 ที่รวมทุกเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นกับ 'เบิร์ด กะ ฮาร์ท' และได้เปลี่ยนชีวิตพวกเขาไปตลอดกาล
ลืมแล้วใยเจ้าเอย ก่อนเราเคยสัญญา... นับตั้งแต่เสียงร้องที่ขึ้นจมูกของฮาร์ท สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล และสำเนียงเสน่ห์ของเบิร์ด กุลพงศ์ บุนนาคในวัย 21 ปี และ 22 ปี ตามลำดับ ได้ขับกล่อมจิตใจกลุ่มนักฟังเพลงไทยผ่านอัลบั้มห่างไกล ผลงานชุดแรกของพวกเขาในปี พ.ศ. 2528 ด้วยทำนองดนตรีที่ฟังง่ายและเสียงร้องมากเอกลักษณ์ ผสมกับเนื้อร้องที่กินใจในชนิดที่ว่าหลับตาแล้วเห็นภาพเป็นฉากร้อยเรียงต่อกัน ที่ส่งผลให้พวกเขาแจ้งเกิดได้สำเร็จภายในปีเดียวกันนั้น และเป็นศิลปินวงแรกที่ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำ ก่อนภายหลังอัลบั้ม ‘ห่างไกล’ จะถูกยกให้เป็นหนึ่งในผลงานระดับเบญจภาคีประดับวงการดนตรีของเมืองไทย
นอกจากเรื่องงานดนตรีแล้ว ตัวตนของทั้งคู่ก็ยังมีเอกลักษณ์ความเป็นธรรมชาติไม่ปรุงแต่งทำให้มีแฟนเพลงติดตามเหนียวแน่นจนถึงปัจจุบันและเป็นไอคอนของนักดนตรีไทยหลายคนในฐานะศิลปินอินดี้รุ่นบุกเบิก ร้องเอง แต่งเอง แถมแนวคิดของทั้งสองยังมีการท้าทายขนบความคิดของสังคมไทยที่มีต่ออาชีพนักดนตรีในสมัยนั้น เพราะตัวเบิร์ดกะฮาร์ทต่างพิสูจน์ได้ว่าแม้จะอยู่ในช่วงวัยเรียนที่ต้องทำงานวันหยุดเลี้ยงชีพไปด้วยก็สามารถที่จะทำงานดนตรีควบคู่ไปได้ตลอดรอดฝั่ง
คนสำคัญ
อัลบั้มห่างไกลจะเกิดขึ้นไม่ได้หากปราศจากคืนวันและแรงบันดาลใจต่างๆ ที่เป็นประสบการณ์ทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เข้ามาแวะเวียนในชีวิตของทั้งสองคน ท้ายสุดทั้งคู่ได้กลั่นมันออกมาเป็นเนื้อร้องและทำนองของบทเพลงอันน่าจดจำ และที่จะดูว่าเป็นจิ๊กซอว์สำคัญของตำนานบทนี้ก็คือ บรรดาบุคคลเบื้องหลังที่คอยซัพพอร์ตและช่วยเหลือศิลปินหนุ่มสองคนนี้ในขณะเวลานั้น
ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนรุ่นพี่อย่างสืบศักดิ์ คลังมนตรี อดีตมือเบสวงมัมมี่ ญาติฝั่งแม่ของเบิร์ด ผู้เป็นคีย์แมนในการทาบทามดูโอ้ที่เกิดวันเดียวกันให้มาฟอร์มวงดนตรีเล่นในงานเทศกาลไทยในแคลิฟอร์เนียด้วยกัน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ทำให้เบิร์ดกับฮาร์ทได้เจอกัน
โจ๋ จ๋ำ อดีตมือเบสและมือกลองวง System 4 สองพี่น้องที่เรียกว่าได้ว่าเป็นสมาชิกวงรุ่นก่อตั้ง ทั้ง 4 เคยฟอร์มวงโคฟเวอร์ตามคำแนะนำของรุ่นพี่อย่างสืบศักดิ์ ก่อนที่จะเบิร์ดกะฮาร์ทจะสร้างชื่อในภายหลัง และบ้านของโจ๋กับจ๋ำยังเป็นห้องซ้อมที่บรรจุความทรงจำไว้มากมายอีกด้วย มิหนำซ้ำเพลงดังหลายเพลงในอัลบั้มห่างไกล ก็มีส่วนร่วมของทั้งสองอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะเพลง ‘ห่างไกล’
พี่อ๋อย วิภาวี ประสงค์ อดีตดีเจค่ายไนท์สปอตที่ทำงานร้านอาหารไทย ทอมมี่ แทงค์ ร้านเดียวกับเบิร์ดในตอนนั้น คือผู้ที่แนะนำให้เบิร์ดกะฮาร์ทส่งเดโม่ไปยังค่ายไนท์สปอตเมื่อรู้ว่าสองหนุ่มเริ่มทำเพลงออริจินัลของตัวเอง
แม้ทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะเป็นปัจจัยสำคัญมากกับการกำเนิดเบิร์ดกะฮาร์ท แต่ทุกอย่างจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากการตัดสินใจครั้งสำคัญของเบิร์ดในครั้งนั้น
การตัดสินใจครั้งใหญ่
หลังจากที่ได้มานัดเจอกันในคืนวันศุกร์และวันเสาร์ของทุกสัปดาห์ภายใต้คำเชิญชวนของพี่สืบศักดิ์ โดยบทบาทมือกีต้าร์เป็นของเบิร์ด ฮาร์ทเล่นเปียโน โจ๋เล่นเบส จ๋ำคุมกลอง ช่วงนั้นเพลงอย่าง You May Be Right - Billy Joel และ Easy - The Commodores กำลังดังและเบิร์ดได้รับหน้าที่ให้เป็นเป็นคนแกะเพลงมาซ้อม ซึ่งในส่วนของพาร์ทกีต้าร์ที่มีหน้าที่สำคัญในการเป็นตัวเอกเดินเรื่องของบทเพลงเหล่านี้อย่างยิ่ง พอเวลาผ่านไปสักระยะความจริงของเบิร์ดก็ได้ถูกเปิดเผย
ฮาร์ท: ซ้อมครั้งแล้วครั้งเล่าไม่เคยสำเร็จเพราะส่วนหนึ่งเบิร์ด มายอมรับทีหลังนะครับว่าเขาไม่เก่งพอที่จะสามารถเล่นกีต้าร์ให้เหมือนกับต้นฉบับ แต่สิ่งที่เขาทำชดเชยให้กับสิ่งที่เขาทำไม่ได้คือเขาแต่งเพลง พูดง่ายๆ ว่าแกะเพลงไม่เหมือนเดี๋ยวแต่งเองเลย
เรียกได้ว่าเบิร์ดพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้อย่างทันท่วงที หากจินตนาการนึกย้อนไปในช่วงเวลาท่ามกลางยุคแปดศูนย์ การแต่งเพลงหรือมีเพลงเป็นของตนเอง และได้เล่นให้คนหมู่มากฟังมันโก้ขนาดไหน ในภายหลังการแต่งเพลงถือเป็นพรสวรรค์ที่เพิ่งถูกค้นพบของเบิร์ดเลยก็ว่าได้
เบิร์ด: ขอเล่าเสริมนิดนึงว่าในยุคนั้น ในวัยนั้นเด็กที่เรียนอยู่ที่ไฮสคูลในอเมริกาเนี่ย ความเท่ของการเล่นดนตรีเนี่ยมันไม่ใช่การเล่นเหมือน แต่มันเป็นการที่มีเพลงเป็นของตัวเอง ฉะนั้นเราเองอยู่ไฮสคูล (ฮอลลีวูด ไฮสคูล) มันก็จะมีวงที่มาเล่นตอนกลางวัน แล้วพยายามที่จะให้เด็กไฮสคูลเนี่ย ตามไปดูตามผับต่างๆ เช่น สตาร์วูดส์ หรืออะไรพวกนี้
ฮาร์ท: หลังจากที่เราพยายามจะฟอร์มวงเล่นเพลงคนอื่นแล้วโคฟเวอร์ให้เหมือนต้นฉบับไม่เป็นผลสำเร็จแล้วเนี่ย ผมกับเบิร์ดก็มานั่งคุยกัน แล้วเบิร์ดเขาก็เล่นเพลงเพลงนึงที่เขาแต่งกับเพื่อนเขาอีกคนนึงชื่อพี่ติ่งให้ผมฟัง ไอ้จุดตรงนี้แหละที่มันเป็นจุดพลิกผัน ทำให้มีเบิร์ดกะฮาร์ทในวันนี้ คือถ้าวันนั้นเบิร์ดเล่นกีต้าร์เก่งกว่าที่เขาเล่นสักเล็กน้อย อาจจะไม่มีเบิร์ดกะฮาร์ทในวันนี้ จากวันนั้นผมกับเบิร์ดอาจจะเป็น เดอะ เบส โคฟเวอร์ แบนด์ อิน ลอสแอนเจลิสก็ได้
แรงขับอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้วงดนตรีเด็กหนุ่มไทยที่เคยตั้งใจจะเป็นวงโคฟเวอร์ที่เก่งที่สุดในแอลเอ ล้มเลิกแผนการนั้นซะและหันมาแต่งเพลงของตัวเอง คือการที่พวกเขาได้เห็นและได้ฟังเพลงของศิลปินไทยที่ถูกส่งมาขายในไทยทาวน์ให้คนไกลบ้านได้ทันกระแสและเข้าใจภาษาดนตรีที่บ้านเกิดตนเอง
เบิร์ดบอกกับเราว่าเขาไม่มีทางรู้จริงๆ ว่าเทปคาสเซตที่หยิบมาอย่างวง ‘คีรีบูน’ ‘ดิ อินโนเซ้นท์’ และ ‘ฟอร์เอฟเวอร์’ ชื่อของศิลปินเหล่านี้จะดังแค่ไหนในเมืองไทย พอเมื่อเห็นเด็กหนุ่มรุ่นเดียวกันมีผลงานออกมาจับต้องได้ ความฝันของเบิร์ดกะฮาร์ทก่อเริ่มก่อตัวขึ้นบวกกับแรงประสานจากคำชมของเพื่อนๆ ในเวลาที่เขาทั้งสองซ้อมเพลงที่แต่งเองให้ฟัง
จีชาร์ปไมเนอร์ คอร์ดเปลี่ยนชีวิต
ดูเผินๆ อาจจะมองว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อไปนี้กับเพลงที่ชื่อ ‘อาลัยเธอ’ จะเหมือนเป็นโชคชะตา แต่เอาเข้าจริงทุกอย่างถูกกำหนดและคิดมาแล้วจากเบิร์ด
ฮาร์ท: กลับมาในวันนั้นที่เบิร์ดบอกว่า เฮ้ยเราแกะไม่เหมือนว่ะ เล่นไม่ได้แต่เราแต่งเพลงได้ แล้วเขาก็เล่นเพลงนั้นให้ผมฟัง เพลงนั้นคือเพลง ‘อาลัยเธอ’ ต่อมาผมกับเบิร์ดเอาเพลงนั้นมาใส่ในอัลบั้มห่างไกล อันนี้น่าจะถือว่าเป็นต้นกำเนิดเลยของอัลบั้มห่างไกล แล้วก็มาเป็นเบิร์ดกะฮาร์ท เบิร์ดเล่นให้ฟังเนี่ย ‘เปล่าเปลี่ยวดวงใจ อาลัยเธ้อ...’ แล้วเขาก็เล่นกีต้าร์ให้ผมฟังด้วยนะในแบบที่เขาเล่น คือต้องยอมรับว่าเบิร์ดเนี่ยเขามีความรู้ความสามารถทางด้านดนตรีในระดับนึง อันนี้ต้องพูดกันโดยไม่เกรงใจนะ
เบิร์ด: เออ มึงเก่งกว่ากู (ยิ้มมุมปาก)
ฮาร์ท: ที่นี้พอผมฟังเบิร์ดเล่นเพลงเปล่าเปลี่ยวดวงใจอาลัยเธอ ผมรู้สึกทึ่งเลยว่า โห ไอ้นี้มันล้ำ เพราะเพลง ‘อาลัยเธอ’ ที่พี่เบิร์ดกับพี่ติ่งแต่งเนี่ย มันเป็นเพลงอยู่ในคีย์อีนะ แต่เวลาเริ่มเล่นเขาไม่ได้เล่นคีย์อี เขาเข้ามาในโทนไมเนอร์เลย ‘เปล่าเปลี่ยวดวงใจอาลัยเธ้อ...’ คอร์ดถ้าผมจำไม่ผิดนะ จีชาร์ปไมเนอร์ ซึ่งมันประหลาดสำหรับผมคือว่า ยูเล่นในคีย์อีก็ต้องเริ่มคอร์ดอีหรือไม่หรือถ้ามันเป็นไมเนอร์โหมดก็ต้องเล่นซีชาร์ปไมเนอร์ แต่ไอ้นี่โผล่มา ‘เปล่าเปลี่ยวด้วยใจอาลัยเธ้อ' แล้วทำนองมันเพราะนะ ‘เคยรักเคยอยู่แสนสดใส เคยยิ้มเคยหยอกหลอกล้อกันไป’ แต่เขาเล่นคอร์ดไม่ได้เพราะนะครับ แต่ผมได้ยินคอร์ดในหัวเลยว่าโอ้โหเพลงนี้แม่งเพราะว่ะ นี่ถ้าเราใส่คอร์ดตรงนี้สักนิดตรงนั้นสักหน่อย
เพลงอาลัยเธอเป็นบทเพลงที่เบิร์ดแต่งร่วมกับพี่ติ่ง โดยได้รับแรงบันดาลใจมากจากเรื่องราวของพี่ชายที่เพิ่งแยกทางกับภรรยา
อาลัยเธอ-ลืม
ในช่วงแรกๆ ทั้งสองคนยังไม่กล้าเล่าความในใจกันอย่างตรงไปตรงมา ตามประสาผู้ชายที่กำลังอยู่ในวัยหนุ่มทั้งคู่ ฮาร์ทยอมรับว่าในช่วงนั้นเป็นฝั่งเขาเองที่เก็บความรู้สึกบางอย่างไว้ในใจหลังจากที่รู้ว่าเบิร์ดสามารถแต่งเพลงได้ดี ในใจหนึ่งก็นึกชื่นชมกับผลงาน อีกใจหนึ่งก็แอบรู้สึกอิจฉา ซึ่งใครจะมารู้ว่าเพราะสาเหตุนี้จึงทำให้เกิดเพลงที่อยู่ในความทรงจำของทุกคน... อย่างนี้สินะที่เขาเรียกว่าแข่งกันเองจนได้ดี
ฮาร์ท: จากเดิมที่ผมเคยคิดว่าผมจะต้องแกะเพลงให้เหมือน ต้องเล่นให้เหมือน ต้องเป็น Billy Joel ต้องเป็น Paul Simon ผมเปลี่ยนไดเรกชั่นเลยว่าเราต้องมีเพลงของเราที่ยิ่งกว่าเพลง ‘อาลัยเธอ’ จากนั้นผมก็เลยไปแต่งเพลง หนึ่งในเพลงที่ผมแต่งก็คือเพลง ‘ลืมแล้วใยเจ้าเอย' ซึ่งจริงๆ ถ้ามาวิเคราะห์มันจะมีอะไรหลายอย่างในเพลง ‘ลืม’ ที่คล้ายกับ ‘อาลัยเธอ’ ผมไม่ได้บอกมันนะ (ขำทั้งคู่)
เนี่ยพอมันเริ่มมาอย่างงี้ปุ๊ป เบิร์ดบอกเฮ้ย กูไม่ได้มีเพลงเดียวนะ กูมีอีกหลายเพลง ก็เล่นให้ฟัง (ร้องพร้อมกัน) ‘จากกันมานานแสนนาน' แล้วก็เพลง ‘มาร่าเริงกัน สุขสันต์ด้วยเสียงเพลง’ แล้วก็มีเพลง ‘อยากรู้ใจทำไมรักเธอ’ ผมก็โหเพลงมันเยอะนี่หว่า
สำหรับเพลง ‘ลืม’ เป็นการนำเรื่องที่ฮาร์ทได้ประสบการณ์ทางใจกับหญิงสาวที่ชื่อ Susan Joan โดยภายหลังก็มีการแต่งอีกเพลงที่ชื่อ ‘Susan Joan’ โดยเฉพาะ
ฮาร์ท: ผมก็เลยไปแต่งอีก แต่งเพลง Susan Joan แต่งเพลง ‘คิดถึง’ (ร้องพร้อมกัน) ‘ใจยังคงใฝ่ฝัน' อันนี้พี่ติ่งแต่งแล้วผมมาแต่งต่อ แล้วก็เพลง ‘รักนอกใจ’ (ร้องพร้อมกัน) ‘ใคร ๆ ก็รู้ว่าคุณมีแฟน’ ส่วนใหญ่เพลงพวกนี้เป็นเพลงช้า
แล้วก็ในระหว่างที่ผมกับเบิร์ดเนี่ยได้แลกเปลี่ยนเพลงกัน โจ๋ก็เอาเทปคาสเซตม้วนนึงมาให้ผมฟังเป็นเพลงที่ญาติเขาชื่อโอ่ง อายุมากกว่าผมกับเบิร์ดเราเลยเรียกเขาว่าพี่โอ่ง (โรจนกฤษณ์ เลขะวณิช) พี่โอ่งญาติโจ๋เนี่ยเล่นไว้ เป็นเพลงจังหวะบอสซาโนว่า ชื่อ ‘ห่างไกล’ (ร้องพร้อมกัน) ‘ห่างไกล กายห่างไปใจถึงเธอ’ ผมฟังเพลงนี้แล้วผมรู้สึกว่าเฮ้ย เพราะ โจ๋เราขอเพลงนี้ไปทำนะ
เบิร์ด: แชร์กันน่ะ ใครแต่งเพลงได้ดีเราก็ชื่นชม แล้วก็ไม่มีใครหวงเพลงกันหรอก เออเอาไปดิ เพราะว่าไม่มีใครเป็นนักแต่งเพลงมืออาชีพ ทุกคนแต่งเพลงเพราะว่าอยู่อเมริกาเหงา ห่างไกล ก็จะแต่งอะไรอย่างนี้
นอกจากเพลง ‘อาลัยเธอ’ ‘ลืม’ ‘รักนอกใจ’ ‘Susan Joan’ ‘ห่างไกล’ สำหรับอัลบั้มห่างไกลก็จะมีเพลงที่ช่วยบรรเทาความเหงาอย่าง ‘คิดถึง ll’ ‘คิดถึง l’ ‘สนุก’ ‘เพ้อ’ และ ‘ไม่ลืม’
หมุดหมายแห่งวงการเพลงไทยของยุค ‘80s
เป็นเวลาเกือบสี่ทศวรรษที่บทเพลงดั่งบทกวีที่พวกเขาได้ปั้นแต่งขึ้นมานั้น ยังก้องกังวานอยู่ในโลกแห่งวงการเพลงไทย ซึ่งนับเป็นผลงานชั้นครูที่ศิลปินรุ่นน้องที่เติบโตในช่วงปี ’85-’95 ต่างศึกษาและนำไปปรับใช้ในเวลาต่อมา มีวงดนตรีไม่น้อยที่ได้รับอิทธิพลจากดูโอ้คู่นี้ เช่น ‘P.O.P’ ‘Moderndog’ ‘Blackhead’ หรือถ้าใหม่ขึ้นมาหน่อยก็อย่างวง ‘ETC.’ รวมถึงแม้แต่อดีตผู้บริหารและหนึ่งในผู้ก่อตั้งเบเกอรี่ มิวสิค อย่างบอย โกสิยพงษ์ ที่ในคอนเสิร์ต RHYTHM & BOYd เมื่อสามปีที่แล้ว เขาได้เชิญศิลปินดูโอ้ในดวงใจขึ้นไปขับร้องเพลงลืมและเพลงฝนอีกด้วย
เบิร์ด: ในสมัยนั้นปี ’85-’95 เราไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายนอกเหนือจากชุดหนึ่งชุดที่ได้รับความนิยม แต่จากปี '95 จนถึงตอน '10 ปี เบิร์ดกะฮาร์ท' มันกลายเป็นเหมือนไมล์สโตนของยุคเอทตี้ในแง่ของวงการเพลงไทย
ฮาร์ท: หนึ่งในศิลปินที่ผมรู้จักแล้วผมก็ทราบทีหลังว่าเขาชอบเบิร์ดกะฮาร์ท แล้วเบิร์ดกะฮาร์ททำให้เขาเปลี่ยนไดเรกชั่นในการใช้ชีวิตเลย หนึ่งในนั้นก็คือบอย โกสิยพงษ์ เขาบอกว่าเขาโตมากับเพลงชุดห่างไกล แล้วก็ชุดด้วยใจรักจริง เพลง Goodbye Song แทบจะแบบอยู่ในทุกความทรงจำของเขาเลย ผมเล่นเพลงนี้ให้เขาฟังเขายังรู้เลยว่าตรงนี้เล่นไม่เหมือน เขารู้ว่าต้นฉบับไม่ได้เล่นอย่างนี้
สัญญาใจที่ไม่เปลี่ยนแปลงต่ออัลบั้ม 'ห่างไกล'
แน่นอนว่าในแง่ของเกียรติยศและความศักดิ์สิทธิ์ของอัลบั้มห่างไกลในทุกวันนี้จะไม่ต้องพิสูจน์อะไรกันอีกแล้ว แต่น้อยคนที่จะทราบว่าในทุกขณะของเบิร์ดกะฮาร์ท โดยเฉพาะรายหลังนั้น เขาบอกความในใจว่า นับตั้งแต่วันที่บันทึกเพลงเสร็จทุกอย่างจบเรียบร้อยในห้องอัดฟิดเลอร์ส รีคอร์ดดิ้งสตูดิโอในลอสแอนเจลิส ฮาร์ทรู้ดีว่าความรู้สึกข้างในลึกๆ ของตัวเขาเองยังไม่จบไปด้วย เขารู้มาตลอดว่าหากเขามีเวลามากกว่านี้จะสามารถทำให้อัลบั้มห่างไกลออกมาสมบูรณ์แบบกว่านี้ได้แน่
จนผ่านมา 36 ปี ความตั้งใจที่อยากสร้างสรรค์งานชิ้นเดิมของพวกเขาอีกครั้งยังไม่เคยเปลี่ยน เพื่อสานต่อสัญญาที่ให้กับตัวเองเสมอมาว่าหากมีโอกาสจะต้องกลับไปทำมัน ในวันนี้ทั้งคู่ได้มีโอกาสรักษาคำมั่นที่เคยให้ไว้กับตัวเองแล้วกับ ‘อัลบั้มห่างไกล The Remix’
สำหรับแฟนเพลงอันเป็นที่รักยิ่งทุกคน วันนี้คุณมีโอกาสที่จะเก็บบทเพลงแห่งความทรงจำ เสียงดนตรีที่เป็นฉากสำคัญในชีวิตของคุณ ทั้งในช่วงเวลาทั้งเศร้าและสุขคลุกเคล้าตามนิยามของคำว่า ชีวิต พบกับอัลบั้มห่างไกล The Remix ในรูปแบบแผ่นเสียง ที่เบิร์ดกะฮาร์ทหยิบนำเทปรีลต้นฉบับ 24-track มาปัดฝุ่นใหม่โดยผ่านการมิกซ์ดาวน์จากโอ๊ต ชุติภัทร์ เธียไพรัตน์ แห่ง Madpuppet Studio ก่อนที่จะส่งไปให้พ่อมดแห่งวงการรีมาสเตอร์ริ่งอย่าง Bernie Grundman เป็นผู้รีมาสเตอร์และเลกเกอร์คัต เป็นเจ้าของแผ่นเสียงคุณภาพชิ้นนี้กันได้แล้วที่นี่