หากเอ่ยถึงชื่อ ‘RS Promotion’ ค่ายเพลงยอดนิยมอันดับต้นในช่วงยุค 90 ตลาด ‘เพลงร็อค’ ของค่ายอาร์เอส ยังถือเป็นตลาดที่แข็งแกร่งที่สุด นับจากการมาของ ‘หิน เหล็ก ไฟ’ กลุ่มศิลปินเฮฟวี่เมทัลสุดร้อนแรง ที่เปิดแนวทางใหม่ให้กับวงการดนตรีเพลงร็อคในเมืองไทย ตั้งแต่อัลบั้มเปิดตัวชุดแรก ในปี 1993 (พ.ศ. 2536)
เมื่อพวกเขากลับมาในอัลบั้มชุดที่ 2 ‘คนยุคเหล็ก’ (พ.ศ. 2538) ผลงานในอัลบั้มนี้ยังได้สร้างความประทับใจกับแฟนๆ ไม่แพ้อัลบั้มแรก ความเป็นวงเฮฟวี่เมทัลยังคงหนักแน่น ทรงพลัง ทั้งในภาคเนื้อร้องและดนตรีในอัลบั้ม ส่งผลให้สตูดิโออัลบั้มที่ 2 นี้ เป็นอัลบั้มขึ้นหิ้งอีกหนึ่งผลงาน ที่ยังเป็นความประทับใจของแฟนเพลงของ ‘หิน เหล็ก ไฟ’ ไม่เสื่อมคลาย
ในโอกาสครบ 30 ปีของ หิน เหล็ก ไฟ ‘เสียงดี’ จะขอพาทุกท่านไปรู้จักกับ ‘คนยุคเหล็ก’ อัลบั้มระดับตำนานอีกหนึ่งชุดสำหรับคอเพลงร็อคยุค 90 ที่กลับมาในรูปแบบ ‘แผ่นเสียงคุณภาพสูง’ ที่เราได้รับความไว้วางใจจากต้นสังกัดอย่าง ‘อาร์เอส’ ให้นำผลงานคุณภาพ เข้าสู่กระบวนการผลิตอันได้มาตรฐาน และใส่ใจในทุกขั้นตอน เพื่อให้คุ้มค่ากับการรอคอยของแฟนๆ ที่จะได้สัมผัสผลงานของ ‘หิน เหล็ก ไฟ’ อัลบั้มนี้ได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ภาพจากนิตยสาร RS Star Club (พ.ศ. 2538)
'คนยุคเหล็ก' ใน 'ยุคทอง' ของเพลงร็อค
หลังจากเปิดตัวอัลบั้มชุดแรก ‘หิน เหล็ก ไฟ’ ในปี พ.ศ. 2536 และได้รับความนิยมอย่างสูงสุด ชื่อของ ‘หิน เหล็ก ไฟ’ ก็ได้รับการยอมรับจากคอเพลงชั้นนำมากมาย กวาดยอดขายได้ทะลุ 1,000,000 ตลับ และมีรางวัลช่วยการันตีคุณภาพ ทำให้หิน เหล็ก ไฟ มีงานแสดงสดอย่างต่อเนื่องยาวนานข้ามปี จนใช้เวลาทำงานชุดใหม่ห่างจากอัลบั้มแรกเป็นเวลากว่า 2 ปีเต็ม
“ด้านเนื้อหานี่ตอนนี้แทบจะยังไม่รู้ว่าเขียนออกไปได้ยังไง ...ใช้เวลาส่วนใหญ่เลย ถึงจะเริ่มเรียบเรียงตัวเองได้ ถึงจะเริ่มเขียน ซึ่งคิดว่าเนื้อหามันไปในระดับกว้างขึ้น ตีวงกว้างขึ้น ไม่ไปทางเดียว คือหมายถึงคนหลายระดับรับได้ด้วย”
จากคำสัมภาษณ์ของ ‘โป่ง-ปฐมพงศ์’ ฟรอนท์แมนผู้รับหน้าที่คนเขียนเนื้อร้องของวง ที่ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร ‘สีสัน’ ถึงการพัฒนาของเนื้อหาเพลงในชุดคนยุคเหล็ก
ด้านการทำงานยังคงไว้ด้วยสมาชิกหลักทั้ง 4 คน อันประกอบด้วย โป่ง-ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์ (ร้องนำ) / ป๊อป-จักรรินทร์ ดวงมณีรัตนชัย (กีตาร์) / โต-นำพล ขจรพิมานมาศ (กีตาร์) / รงค์-ณรงค์ ศิริสารสุนทร (เบส)
พร้อมการต้อนรับสมาชิกคนใหม่ ‘Selvester Lester C. Esteban’ (ซิลเวสเตอร์ เลสเตอร์ ซี. เอสเตบาน / เลสเตอร์) นักดนตรีชาวฟิลิปปินส์ ในตำแหน่ง ‘มือกลอง’ ซึ่งเลสเตอร์มีแบ็คกราวด์ทางกลองเป็นแนวแจ๊ส แต่ก็สามารถนำมาปรับใช้กับเพลงร็อคแบบหิน เหล็ก ไฟได้อย่างลงตัว
โดยการทำงานอัลบั้มนี้ ได้เลือกใช้ห้องบันทึกเสียง ‘Eastern Sky’ สตูดิโอของ ‘Kenny Jackel’ (Sound Engineer ผู้อยู่กับหิน เหล็ก ไฟ มาตั้งแต่อัลบั้มแรก) เป็นสถานที่บันทึกเสียงตลอดการทำงาน
ภาพจาก The Guitar ฉบับที่ 254 (พ.ศ. 2538)
หลังเสร็จสิ้นการทำงานตลอดปี พ.ศ. 2537 ‘คนยุคเหล็ก’ สตูดิโออัลบั้มลำดับที่สองของ หิน เหล็ก ไฟ ก็ได้เริ่มออกวางจำหน่ายสู่แผงเทปในวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2538 พร้อมซิงเกิลเปิดตัวอย่าง ‘หลงกล’ ที่ได้รับความนิยมในทันที ด้วยการติดชาร์ตอันดับหนึ่งของคลื่น Radio Relax ประจำเดือนมีนาคม พ.ศ. 2538 ตั้งแต่ช่วงเดือนเปิดตัวอัลบั้ม และยังคงเป็นเพลงอมตะของวงมาถึงปัจจุบัน
‘คนที่เคยเจ็บ คนที่เคยผ่าน
ย่อมหวาดหวั่นอยู่ในจิตใจ
แต่เธอก็พูดอยู่ อย่าดูเธอในแง่ร้าย
เธอมิใช่ใครที่น่าหวาดกลัว’
ด้านบนคือส่วนหนึ่งจากดราฟท์แรกของเพลง ‘หลงกล’ เพลงช้าบัลลาดบาดลึกที่ได้รับความนิยมที่สุดในอัลบั้ม ‘คนยุคเหล็ก’ ทั้งเนื้อร้องและทำนอง ประพันธ์ โดย โป่ง-ปฐมพงษ์ แต่สุดท้ายแล้ว ทางวงก็ได้ร่วมกันแก้ไขปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม ทำให้เกิดเป็นเพลง ‘หลงกล’ ที่เราได้ยินกันจนปัจจุบัน
แสดงให้เห็นถึงความพิถึพิถันในทุกแง่มุม ตั้งแต่เนื้อร้อง ทำนอง การบันทึกเสียงดนตรีให้เข้ากันกับเนื้อหาของเพลง พวกเขาได้พัฒนาไปอีกขั้นจากความสละสลวยของเนื้อร้อง และความลงตัวของดนตรี จนทำให้เกิดเพลงฮิตที่เนื้อหาลึกซึ้งกินใจ แฟนๆ สามารถร้องตามได้อย่างไพเราะลงตัว จากนั้นยังตามมาด้วยเพลง มั่วนิ่ม หวาดระแวง คนยุคเหล็ก คิดไปเอง ซึ่งต่างเป็นซิงเกิลที่ยังได้รับความนิยมจากแฟนๆ อย่างต่อเนื่อง จากการตระเวนเล่นคอนเสิร์ตโปรโมทอัลบั้ม เช่น 7 สีคอนเสิร์ต โลกดนตรี ฯลฯ จนส่งผลให้มีเสียงเรียกร้องคอนเสิร์ตใหญ่จากต้นสังกัดในเวลาต่อมา
การมาของการแสดงคอนเสิร์ตครั้งยิ่งใหญ่ ‘Short Charge Shock Rock Concert เหล็กคำราม’ คอนเสิร์ตรวมศิลปินร็อคกลางสนามกีฬากองทัพบกที่มี หิน เหล็ก ไฟ เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของงาน แม้คอนเสิร์ตนี้จำเป็นต้องจบลงก่อนกำหนด แต่นับได้ว่าเป็นโชว์ประวัติศาสตร์ของวงการเพลงเมืองไทย กับจำนวนผู้เข้าชมกว่า 80,000 คน ที่เกิดขึ้นในช่วงอัลบั้มคนยุคเหล็ก
ภาพสีภายในหนังสือเพลง
แกร่งแบบ 'หิน' ประสบการ์ณ 'เหล็ก' ที่ยังร้อนดัง 'ไฟ'
“อิสระมากนะ ผมดูแล้ว โซโล่กันน่าดู ใส่น่าดู” — โป่ง หิน เหล็ก ไฟ, พ.ศ. 2538
การทำงานอัลบั้มนี้ ทางอาร์เอสยังเปิดโอกาสให้ทางวง หิน เหล็ก ไฟ ได้ใช้อิสระการทำงานด้วยตัวเองมากขึ้น จากประสบการณ์ทางดนตรีของเหล่าสมาชิกที่บ่มเพาะมาโดยตลอด อัลบั้มชุดนี้ จึงเริ่มมีความซับซ้อนทางดนตรีเพิ่มขึ้น
แต่ยังคงแฝงความลึกซึ้งทางเนื้อหา จากเนื้อร้องของ ‘โป่ง-ปฐมพงศ์’ หรือลูกโซโล่จากเจ้าของกิตติศัพท์ ‘กีตาร์เฟอร์รารี่’ อย่าง ‘ป๊อป-จักรรินทร์’ พร้อมริทึ่มแมน ‘โต-นำพล’ ที่โชว์ฝีมือการเรียบเรียงร่วมกับป๊อป การเดินเบสสุดเร้าใจจาก ‘รงค์-ณรงค์’ และน้ำหนักกลองอันหนักแน่นของ ‘เลสเตอร์’ ทำให้ผลงานชุด ‘คนยุคเหล็ก’ โด่งดัง เป็นที่ยอมรับ และได้รับการกล่าวถึงจากคอร็อคตลอดมาจนถึงปัจจุบัน
“ที่เราคุยกันอยู่ มันเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งที่ว่า เขียนเพลงไม่ใช่เพียงเพื่อให้เสียงเข้ากับดนตรี แล้วเนื้อจะเป็นยังไงไม่รู้ ก็เขียนคำให้เสียงมันร้องให้เข้ากับดนตรีไปกันได้ แล้วบอกว่าเป็นเฮฟวี่ อันนี้เราไม่เป็นแบบนั้น
ของเราเนื้อเรื่องต้องได้ด้วย เนื้อหาต้องมีประโยชน์ด้วย ส่วนจะร้องเข้ามากน้อยแค่ไหน เนื้อหาต้องมาอันดับแรก พอได้เนื้อหาแล้ว ต้องทำทำนองให้ได้ถึงจะมาเข้ากับดนตรี ทุกอย่างต้องกลมกลืนกัน...” — รงค์ หิน เหล็ก ไฟ, พ.ศ. 2538
ด้านหน้าปกอัลบั้ม ยังคงแฝงเอกลักษณ์ที่มีความลึกลับ น่าค้นหา ด้วยการนำเสนอภาพของสมาชิกในแบบที่ไม่เห็นหน้าตาชัดเจน ถือเป็นไอเดียที่ต่อยอดจากงานออกแบบปกชุดแรก และเป็นการยึดคอนเซปต์ในการนำเสนอภาพลักษณ์ของวง ที่โชว์ฝีมือทางดนตรีมากกว่าหน้าตา พร้อมโลโก้สัญลักษณ์ ‘SMF’ ชื่อย่อภาษาอังกฤษ (Stone Metal Fire) จากการออกแบบโดย ‘โต หิน เหล็ก ไฟ’ อันเป็นภาพจำ ที่ยังเคลือบเหล็ก เพิ่มความดุดันยิ่งขึ้น
และอัลบั้มนี้ยังการันตีคุณภาพด้วยการมีชื่อเสนอ ‘เข้าชิง’ รอบสุดท้ายของรางวัล ‘สีสันอะวอร์ดส’ ครั้งที่ 8 ประจำปี พ.ศ. 2538 โดยคณะกรรมการของนิตยสารสีสันถึง 4 สาขาด้วยกัน ประกอบด้วย อัลบั้มยอดเยี่ยม / ศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยม / โปรดิวเซอร์ยอดเยี่ยม (โดย หิน เหล็ก ไฟ) / เพลงในการบันทึกเสียงยอดเยี่ยม (หวาดระแวง)
นิตยสาร RS STAR MAGAZINE ปีที่ 3 ฉบับที่ 27 (พ.ศ. 2538)
หลังจบการเดินสายโปรโมทชุดคนยุคเหล็ก บรรดาสมาชิก หิน เหล็ก ไฟ ได้แยกย้ายกันไปทำงานตามรูปแบบที่ถนัด ด้วยการรวมกลุ่มกับเพื่อนนักดนตรีรุ่นฉกรรจ์ ทำวงดนตรีกลุ่มใหม่ขึ้นมา เพื่อเป็นกำไรแก่คอร็อคชาวไทยที่ชื่นชอบเสพงานเพลงในรูปแบบใหม่ๆ
เช่น โต และ รงค์ ที่แยกไปก่อตั้งวง ‘Lava’ ส่วน โป่ง ป๊อป และ เลสเตอร์ รวมกลุ่มทำวง ‘The Sun’ เป็นตำนานร็อคอีกหนึ่งบท หลังจากนั้น โป่ง ก็ยังคงมีผลงานเดี่ยว หรือโปรเจกต์ต่างๆ ให้ติดตามอยู่เป็นระยะ
จนในปี พ.ศ. 2548 สมาชิกหลักทั้งสี่ของ หิน เหล็ก ไฟ ได้กลับมาสานตำนานอีกครั้งกับอัลบั้มชุดที่สาม ‘Never Say Die’ ซึ่งเป็นการกลับมาทำอัลบั้มอีกครั้งในรอบ 10 ปี หลังการพักวงในชุดคนยุคเหล็ก และต่อเนื่องด้วยอัลบั้มพิเศษ ‘SMF Acoustique’ ในปี พ.ศ. 2549 ที่ทางเราเสียงดีได้เคยนำเสนอในรูปแบบแผ่นเสียงมาแล้ว
แม้ในปัจจุบัน หิน เหล็ก ไฟ อาจไม่มีการทำผลงานเพลงใหม่เหมือนในยุคที่ผ่านมา แต่ยังคงมีงานแสดงให้ได้ติดตามชมฝีไม้ลายมือของกลุ่มร็อคมากประสบการณ์อยู่เป็นระยะ และผลงานในอดีตของ หิน เหล็ก ไฟ ยังคงเป็นตำนานร็อคที่ถูกกล่าวขานมาอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะเพลง ‘คิดไปเอง’ จากอัลบั้ม คนยุคเหล็ก ที่กลับมา ‘คืนชีพ’ ในยุคโซเชียลอีกครั้ง เมื่อได้รับเลือกไปเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ ‘4 Kings’ ภาพยนตร์ชื่อดังที่ทำรายได้ถล่มทลายกว่าหนึ่งร้อยล้านบาท และในระยะนี้ ยังมี ‘คอนเสิร์ตใหญ่’ ให้ได้ติดตามกัน ทั้งในนาม ‘หิน เหล็ก ไฟ’ กับคอนเสิร์ตรวมศิลปินร็อคที่ทางอาร์เอสเตรียมจัดขึ้นในปลายปี 2023 และคอนเสิร์ตเดี่ยวสุดพิเศษของ ‘โป่ง-ปฐมพงศ์’ ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า
ครั้งแรกของ 'คนยุคเหล็ก' ในรูปแบบแผ่นเสียงคุณภาพสูง
หลังจาก ‘เสียงดี’ ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากคอร็อค และกลุ่มผู้พิศมัยการฟังเพลงจากแผ่นเสียงไวนิล หลังการนำผลงานของหิน เหล็ก ไฟ กลับมาผลิตใหม่ในฟอร์แมทไวนิลที่เราเรียกว่า Audiophile Quality ตั้งแต่อัลบั้มชุดแรก หิน เหล็ก ไฟ (SMF Special Edition 2020) และ SMF Acoustique เพื่อความสมบูรณ์แบบใน SMF Collection ของทุกท่าน จึงไม่รอช้าที่จะถึงคิวของอัลบั้ม ‘คนยุคเหล็ก’
ในปี พ.ศ. 2538 อัลบั้ม คนยุคเหล็ก ได้ทำการผลิต และจัดจำหน่ายเพียงเทปคาสเซ็ตและซีดีเท่านั้น ด้วยวาระครบรอบ 30 ปี ของกลุ่มคนดนตรีฝีมือฉกาจที่ชื่อ ‘หิน เหล็ก ไฟ’ ในปี พ.ศ. 2566 นี้ ‘เสียงดี’ จึงได้นำอัลบั้มลำดับที่ 2 ของวง กลับมาผลิตในรูปแบบ ‘แผ่นเสียงคุณภาพสูง’ เป็นครั้งแรก เพื่อเป็นเครื่องยืนยันความอมตะของเพลงร็อคทุกเพลงในอัลบั้มคุณภาพของ SMF คนยุคเหล็ก อีกครั้งในศักราชนี้
เมื่อ ‘ร็อค’ ไม่มีวันตาย และเสน่ห์ของการฟังเพลงจาก ‘แผ่นเสียง’ ยังมิเสื่อมคลาย จึงเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทุกท่านควรได้เป็นเจ้าของแผ่นเสียง ‘คนยุคเหล็ก’ แผ่นนี้